แสงออโรร่า ไปหายังไงให้เจอ

เอ่ยชื่อแสงออโรร่าหรือ แสงเหนือ หลายต่อหลายคนก็บ่นว่าหายาก จนมีคำว่าล่าแสงเหนือพูดกันจนฮิตติดปาก วันนี้มีวิธีการล่าแสงเหนือยังไงให้มีโอกาสมากที่สุด

1.เชคสภาพอากาศในพื้นที่ที่เราอยู่ว่าค่ำคืนที่เราจะออกล่าหาแสงเหนือนั้นมีท้องฟ้าเป็นเช่นไร ค่ำคืนนั้นมีท้องฟ้าที่โปร่งใส ไม่มีพายุหิมะ หรือเมฆดำมาปกคลุมท้องฟ้า ข้อสังเกตง่ายๆคือถ้าเงยหน้ามองท้องฟ้าเราเห็นดวงดาวพราวระยิบนั่นคือสัญญาณที่ดีมีลุ้นเห็นแสงออโรร่า

2.เชคค่าความแอคทีฟของแสงออโรร่า (มีแอฟมากมายให้เลือกใช้ดูค่าเคพี ) ค่าความเอคทีฟของแสงออโรร่ามีค่าตั้งแต่ 0-9 เป็นตัวชี้วัดความแรง ทั้งนี้ทั้งนั้นค่าเคพีเป็นเพียงการพยาการณ์คาดการเท่านั้น บางครั้งค่าเคพีน้อยแต่ออกไปแสงออโรร่าโชว์อลังการดังเคพีสิบก็อาจเกิดขึ้นได้ ในทางตรงกันข้ามบางครั้งค่าเคพีสูงแต่ออกไปอาจจะน้อยนิดก็เป็นได้เช่นกัน

3. นำพาตัวเองไปอยู่ในพื้นที่ ที่มืดสนิท คือมืดแบบไม่มีแสงไฟเมือง แสงไฟโรงแรมหรือ ไฟถนน ไฟบ้านพักรบกวนเลยได้ยิ่งดี ข้อนี้จะช่วยทำให้มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้ชัดเจน ในกรณีที่แสงเหนือค่ำคืนนั้นค่าเคพีอ่อน เพราะถ้าค่าเคพีหนึ่งหรือสอง เราแทบจะมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นและถ้าเราอยู่ในพื้นที่ที่มีแสงไฟรบกวน โอกาสที่จะพลาดการมองเห็นและได้ภาพสวยๆกับแสงเหนือมีสูงมาก ฉะนั้นไม่อยากพลาดให้นำพาตัวเองไปอยูที่มืดสนิท

4. เตรียมอุปกรณ์ตัวช่วยในการออกล่า ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าชุดกันหนาว แผ่นความร้อน ถุงมือ หมวก เหล่านี้จำเป็นมากๆ เพราะถ้าเราไม่พร้อมเรื่องนี้ก็อาจจะทำให้เราไม่อยากยืนอยู่ในที่โล่งท่ามกลางอากาศหนาวเย็นเป็นเวลานาน อาจจะหลบเข้าไปนั่งรอในรถ ในบ้านพัก ซึ่งนั่นจะทำให้เราพลาดการมาของแสงออโรร่า ฉะนั้นเสื้อผ้าชุดกันหนาวดีดีที่ให้ความอบอุ่นจะช่วยให้การล่าแสงออโร่าเป็นไปด้วยความสนุกสนานและไม่ทรมานร่างของเรา ที่สำคัญได้ภาพสวยๆกับชุดกันหนาวเก๋ๆด้วยนะคะ

5. อุปกรณ์การถ่ายรูป กล้อง ขาตั้งกล้อง แบตเตอร์รี่สำรอง ไฟฉาย และในยุคนี้โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆถ่ายแสงออโรร่าติดแต่ถ้าหากต้องการไฟล์ภาพที่มีคุณภาพก็ควรติดขาตั้งกล้องที่ใช้กับโทรศัพท์มือถือมาด้วย เพราะการถ่ายภาพแสงเหนือเราต้องเปิดหน้ากล้องค้างไว้ ตั้งแต่ 2วินาที ไปจนนานถึง40วินาทีในกรณีแสงมีความแอคทีฟบางเบา ทั้งนี้การเปิดหน้ากล้องสั้นๆ หรือนานๆ กี่วินาทีนั้นขึ้นอยู่กับสภาพแสงออโรร่าในค่ำคืนนั้นๆ ไม่มีค่าตายตัวที่บอกได้ เพราะแต่ละการโชว์แสงออโรร่าความแรงไม่เหมือนกัน ทั้งนี้จำง่ายๆแค่ว่าแสงน้อยเปิดหน้ากล้องนาน แสงแรงเปิดหน้ากล้องสั้น

6.อดทน คำนี้สำคัญมากสำหรับนักล่าแสงออโรร่า เพราะว่าแสงออโรร่าเป็นอะไรที่ไม่มีกำหนดกฏระเบียบใดๆทั้งนั้น เขาคิดจะมาตอนไหนเขาก็มา จะไปตอนไหนก็ไปไม่มีร่ำลา บางครั้งมาตั้งแต่ห้าโมงเย็นเต้นรำระบำโชว์ทุกจังหวะตั้งแต่ ลีลาส ไปจนถึง เทงโก้ ต่อด้วยจังหวะเทคโนเมายา ห้าโมงเย็นยันตีสาม หรือบางครั้งมาห้าทุ่ม โชว์ปุ๊ปแป๊บยังไม่ถึงห้านาที ตั้งขากล้องยังไม่เสร็จแสงออโรร่าไปแล้ว และไปเลยไม่กลับมาอีกทั้งคืนก็เป็นได้เรียกว่ามาเร็วไปเร็ว หรือมาเร็วอยู่นานก็ได้ ทุกค่ำคืนไม่มีใครรู้ได้ เราต้องอดทน

7.พิจารณาใช้บริการไกด์ท้องถิ่น อ่านมาถึงข้อนี้อาจมีข้อแย้งว่าเช่ารถขับล่าเองได้ อันนั้นใช่ค่ะ แต่การใช้ไกด์ท้องถิ่นช่วยเพิ่มโอกาสการได้เห็นแสงออโรร่า เพราะว่า

-ไกด์ท้องถิ่นมีประสบการณ์และคุ้นเคยกับแสงออโรร่าฉะนั้นแม้แสงออโรร่าอ่อนก็มีโอกาสเห็นได้มากกว่านักท่องเที่ยวที่เพิ่งออกล่าครั้งแรก

-ไกด์ท้องถิ่นรู้โลเคชั่นที่ช่วยให้ได้ภาพฉากหน้าสวยงาม เพราะการขับรถไปในที่มืด (โดยเฉพาะฤดูหนาว)แบบไม่คุ้นเคยสถานที่เพื่อหาฉากหน้าที่สวยงามอาจเป็นเรื่องไม่ง่าย

-ไกด์ช่วยแนะนำหรือถ่ายภาพแสงออโรร่าที่สวยงามให้ได้คมชัดความประทับใจกลับไปเป็นที่ระลึก